ผู้สมัครงาน
LinkedIn เป็นหนึ่งในที่ที่ผมมักใช้เวลาในแต่ละวันพอสมควรไม่ใช่ว่าเพราะผมจะไปสมัครงานอะไรหรอกนะครับ แต่เพราะมีบรรดานักคิดและคนเก่งๆใน LinkedInจำนวนมากแชร์บทความน่าอ่านมากมายโดยเฉพาะเรื่องราวของการทำงานหรือการสร้างทัศนคติให้ประสบความสำเร็จ และวันก่อนผมก็ไปเจอบทความน่าสนใจ (อีกแล้ว) ของ Dave Karpen ที่ว่าด้วยเรื่องความแตกต่างของคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งผมว่าน่าสนใจมากเลยขอมาแปลเพื่อแบ่งปันกันนะครับ
1. ยอมรับความเปลี่ยนแปลง vs กลัวการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ปฏิเสธได้ การยอมรับความเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องยากที่หลายๆคนจะสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ในโลกทุกวันนี้ที่เรามีความเปลี่ยนแปลงกันอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาแบบก้าวกระโดดมันจึงจำเป็นมากที่เราจะต้องกล้ายอมรับความเปลี่ยนแปลงและปรับตัว แทนที่จะกลัวและปฏิเสธมัน
เมื่อคุณอยู่ในองค์กรที่มีคนมากมาย การประสบความสำเร็จหมายถึงทุกคนควรจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ไม่ใช่การหวังว่าใครคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จ ถ้าคุณมีความคิดว่าอยากให้อีกฝ่ายหรืออีกทีมล้มเหลว มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะทำงานร่วมกัน?
ในการทำธุรกิจนั้น เป็นเรื่องปรกติที่จะเกิดอารมณ์ขณะทำงาน แต่ถ้าคุณส่งต่อความสุขหรือทำให้คนรอบข้างรู้สึกสนุกร่วมไปกับคุณแล้ว ทีมก็ย่อมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า แต่หากใครส่งค่อความหงุดหงิดให้กับทีมรอบข้างแล้วก็จะยิ่งทำให้คนรอบๆรู้สึกแย่ ไม่มีแรงกระตุ้นและยากจะทำงานให้ประสบความสำเร็จได้
คุณสมบัติข้อหนึ่งของการเป็นผู้นำที่ประสบควาสำเร็จนั้นคือการกล้ารับผิด กล้าเป็นคนที่ออกตัวว่าเป็นคนรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้น การโทษคนอื่นไม่ได้นำไปสู่อะไรทั้งนั้นหากแต่จะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมเสียอีก
การเอาแต่พูดคุยว่าคนอื่นเป็นอย่างไร การซุบซิบนินทาไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรทั้งนั้น มีแต่เสียเวลาไปเปล่าๆอีกต่างหาก คนที่ประสบความสำเร็จจึงไม่ใช้เวลาไปกับการนินทาคนอื่น หากแต่จะเน้นในการแลกเปลี่ยนความคิดหรือหาวิธีที่จะขับเคลื่อนความคิดต่างๆไปข้างหน้า
การแชร์สิ่งที่มีประโยชน์ให้กับคนอื่นมีแต่จะเป็นประโยชน์กับตัวคุณเอง เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่แคร์คนอื่น ยิ่งในยุค Social Media นั้น การแชร์เรื่องราวดีๆเป็นส่วนสำคัญของการประสบความสำเร็จ มันยิ่งทำให้คนอื่นสามารถมาร่วมกับคุณในการไปสู่ความสำเร็จได้ แต่การเอาแต่หวงข้อมูลนั้นมีแต่ทำให้คุณเห็นแก่ตัวและคิดถึงผลลัพธ์ในระยะสั้นเท่านั้น
การทำงานเป็นทีมเป็นเรื่องสำคัญในการประสบความสำเร็จ มันจำเป็นมากที่ผู้นำจะต้องไม่เอาเครดิตจากคนอื่น แต่ในทางตรงกันข้ามคือให้พวกเขาถูกได้รับการให้ความสำคัญหรือการให้พวกเขาได้มีเวทีที่จะถูกยอมรับ สิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเขาทำงานอย่างมีใจในระยะยาวและทุ่มเทกับงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย
มันเป็นเรื่องยากถ้าคุณจะประสบความสำเร็จโดยที่คุณไม่รู้ว่าคุณกำลังจะมุ่งเป้าไปที่อะไร การตั้งเป้าหมายของชีวิตเป็นแผนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 10 ปี 3 ปี หรือการวางแผนว่าคุณจะทำอะไร / เป็นอะไรในแต่ละปีนั้นเป็นหนึ่งในสิ่งที่คนประสบความสำเร็จมักทำกันเพื่อให้พวกเขารู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่และสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นทำให้เขาเข้าใกล้ความสำเร็จแค่ไหน
ไอเดียหรือความคิดสร้างสรรค์มักเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันอยู่บ่อยๆหลายๆทีมันมักมาแบบผิดที่ผิดเวลา คนที่ประสบความสำเร็จมักจะรีบจดโน๊ตเพื่อบันทึกไอเดียเหล่านั้นอยู่เสมอๆ เพื่อไม่ให้ไอเดียเหล่านั้นสูญหายไป และหลายๆ ครั้งที่ไอเดียเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดงานดีๆหรือทำให้หลายๆคนประสบความสำเร็จได้เลยทีเดียว
การอ่านหนังสือทุกๆวันจะทำให้คุณได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆอยู่เสมอ การอ่านที่ว่านี้อาจจะรวมไปถึงการอ่านบล็อก การอ่านนิตยสาร หรือหนังสือดีๆ ซึ่งทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม การดูทีวีส่วนใหญ่มักนำไปสู่การทำให้คุณผ่อนคลาย ได้ความบันเทิง ได้หลีกหนีจากความเครียด แต่คุณแทบจะไม่ได้อะไรจากทีวีที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จสักเท่าไร
ผู้นำที่ประสบความสำเร็จมักจะมองหาวิธีการทำงานที่ดีขึ้นไปกว่าเดิม ทำให้งานไปสู่อีกขั้นหนึ่งอยู่เสมอ พวกเขามักมองการทำงานเป็นเหมือนความท้าทายที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแทนที่จะสนใจแค่การสร้างยอดขายหรือทำงานให้เสร็จๆไปในแต่ละวัน
ความรู้ในโลกนี้มีมากมายและยังมีเรื่องราวอีกมหาศาลที่คุณยังไม่ได้รู้ แม้แต่ในสายงานของคุณเองก็ตาม การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองคือวิธีเดียวที่จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าได้ คุณจะเหนือกว่าคนอื่นหรือเป็นที่โดดเด่นได้ก็เพราะคุณรู้มากกว่าคนอื่น ถ้าคุณหยุดที่จะเรียนรู้หรือคิดว่าตัวเองรู้แล้ว ในไม่ช้าคุณก็จะเป็นผู้ตามในที่สุด
การชมคนอื่นเป็นวิธีที่ดีในการแสดงความห่วงใยคนที่คุณแคร์ การให้คำชมเป็นวิธีในการสร้างพลังงานและกำลังใจให้บคนทำงาน ในขณะที่การวิจารณ์คน (แบบไม่ดี) มีแต่จะทำให้คนรู้สึกแย่และไม่ได้นำไปสู่อะไรที่เป็นประโยชน์เท่าไรนัก
ใครๆก็ผิดพลาดกันได้ การให้อภัยเป็นสิ่งสำคัญในการก้าวผ่านความผิดพลาดและทำให้ดีขึ้น แต่การตำหนิ ใส่อารมณ์ หรือตามแค้นก็มีแต่จะทำให้สิ่งต่างๆ แย่ลงไปกว่าเดิมต่างหาก
การทำลิสต์ “To-Be” เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีมากของการตั้งเป้าหมายว่าอนาคตคุณจะเดินไปทางไหน มันทำให้คุณเห็นภาพว่าอนาคตคุณจะเป็นอย่างไรและย้อนกลับมาว่าคุณไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร คนที่ประสบความสำเร็จมักมีภาพในหัวชัดมากว่าพวกเขาอยากเป็นอะไร แต่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมักไม่มีภาพเหล่านี้อยู่ในหัวเลย
การที่คุณสามารถ “รู้สึก” กับสิ่งรอบข้างทำให้คุณเห็นคุณค่าของความสำเร็จและความสุขมากมายรอบตัว นอกจากนี้คนที่คุณรู้สึกดีมากมักเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ อย่าลืมที่จะขอบคุณและเห็นคุณค่าทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของคุณเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คุณเข้าใจคำว่า “ความสำเร็จ” มากขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม
Credit : http://www.nuttaputch.com/
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด